ผบ.ตร.สั่งตำรวจทุกหน่วย ปราบปราม Fake News เด็ดขาด
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการตำรวจทุกหน่วย ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล ในการปราบปรามข่าวปลอม(Fake News) อย่างเด็ดขาด
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเรียนถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีได้มีการโพสผ่านทาง Facebook “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-Cha” ถึงประเด็นสำคัญจากการประชุมคณะรัฐมนตรี รวมถึงประเด็นในการจัดการเรื่องข่าวปลอม
ในห้วงสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งทางหน่วยงานของรัฐบาลทุกหน่วยกำลังดำเนินการแก้ไขสถานการณ์อย่างเต็มกำลัง โดยบนสื่อสังคมออนไลน์หรือสื่ออื่นๆ ยังมีการแชร์ข้อมูลข่าวสารที่ถูกบิดเบือนหรือข่าวปลอมเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดความสับสนและตื่นตระหนกในสังคม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เล็งเห็นความสำคัญและตระหนักถึงพิษภัยของปัญหาข่าวปลอม จึงมีนโยบายให้ทุกหน่วยงานดำเนินการแก้ปัญหาข่าวปลอมอย่างจริงจัง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว โดยให้ทุกหน่วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานการปฏิบัติร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(MDES) หน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ในการเฝ้าตรวจสอบข้อมูลข่าวสารที่ถูกบิดเบือนหรือข่าวปลอมอยู่เสมอ และเร่งสร้างการรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชน ให้ทราบถึงพิษภัยและรูปแบบการกระทำความผิด รวมถึงเร่งทำการพิสูจน์ทราบตัวผู้กระทำความผิด และสืบสวน ปราบปราม จับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีอย่างจริงจังต่อเนื่องภายในกรอบของกฎหมาย เพื่อเป็นการจำกัดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น, ตัดโอกาสในการกระทำความผิดและทำให้พี่น้องประชาชนได้รับข่าวสารที่ถูกต้องต่อไป
การกระทำลักษณะของการผลิตหรือเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกบิดเบือนหรือข่าวปลอม นั้นเข้าข่ายความผิดฐานนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14 และเป็นความผิดฐานฝ่าฝืนข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งที่ออกตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่อว่า ขอฝากเตือนไปยังผู้ที่กระทำความผิดว่าให้หยุดการกระทำในลักษณะที่บิดเบือนข้อมูลข่าวสารอันทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามข้อ 11ของ ข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (ฉบับที่27) เพราะนอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ยังเป็นการซ้ำเติมจิตใจของพี่น้องประชาชนที่ควรจะได้รับข่าวสารที่ถูกต้องและทำให้เกิดความสับสนตื่นตระหนกในสังคม รวมถึงส่งผลกระทบต่อความสงบในบ้านเมืองอีกด้วย โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทุกคนประสบความเดือดร้อนกันอยู่แล้ว นอกจากนี้ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่แจ้งเบาะแสะการกระทำความผิดเข้ามาและขอเรียนประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนให้ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลข่าวสาร และขอให้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในทางที่สร้างสรรค์ประโยชน์ให้กับทั้งตนเองและสังคม หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
Related Posts
See AllSkip to navigationSkip to content Discover Latest Obsessions These are the core obsessions that drive our newsroom—defining topics of...
The testimony in today’s Congressional investigation into the events of Jan. 6, 2021 was brutal. Witnesses described the melee that...
Skip to navigationSkip to content Discover Latest Obsessions These are the core obsessions that drive our newsroom—defining topics of...
Comments